ตะลุยกินแหลก และช็อปปิ้งเพลินๆที่โอซาก้า

Posted on

สวัสดีค่ะ วันนี้ไดร์ฟเมทจะพาทุกท่านไปเที่ยวโอซากาในแบบ drivemate style กันนะคะ

เริ่มจากเราเดินทางโดยสายการบินไทย ไปลงที่ Kansai International Airport โดยออกจากประเทศไทยเวลา 23.35 น. เดินทางถึงโอซากา 7.00 น. แต่เนื่องจากเกิดพายุฝนฟ้าถล่มทำให้เครื่องเราดีเลย์ไป 3 ชม. ค่ะ ถึงโอซากาเวลา 10.00 น. ก็ได้เวลาเที่ยวพอดี

หลังจากเดินผ่าน ตม. ออกมาเรียบร้อย เราก็เดินตามป้ายรูปรถไฟที่เขียนว่า railways เพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟสาย Nankai Express เป็นรถไฟสีน้ำเงินนั่งตรงเข้าสู่ย่าน Namba ภายใน 40 นาที ค่ะ

ทางเราซื้อตั๋วมาแล้วในราคา 1,270 เยน ลุยยยยยยยย!!

ภายในรถไฟสะอาด กว้างขวาง สะดวกสบาย
รองท้องกันซักหน่อยนะคะ

ภายในเวลาเกือบ 1 ชม. เราก็เดินทางมาถึง Nankai Namba station (คนละสถานีกับ JR namba นะคะ) ในสถานีนี้เป็นสถานีใหญ่มากจะเป็นศูนย์รวมรถไฟระหว่างเมือง และพวก airport express ค่ะ โดยจะอยู่ติดกับห้าง Takashimaya และฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้าง 0101 (มารุอิ) อันโด่งดัง

เราเดินออกจากสถานีมาเพื่อข้ามฝั่งไป Dotomburi เดินประมาณ 800 ม. ก็จะถึง โรงแรม Holiday inn osaka ที่เราจองไว้สำหรับทริปนี้ทั้งหมด 4 คืนค่ะ

ระหว่างเดินทางเข้าโรงแรม กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ เหลือบไปเห็นข้าวหน้าปลาดิบสุดโปรดในย่าย Namba ทางเราก็ไม่รอช้า รีบตรงเข้าไปด้วยความหิว แล้วสั่งข้าวหน้า Uni+Toro สับ+Ikura มารองเท้าก่อนซักนิดค่ะ

ถึงแล้วค่ะที่พักของเราทริปนี้ Location ค่อนข้างดีเลยค่ะ อยู่กึ่งกลางระหว่าง Namba Dotomburi และ Shinsaibashi ตั้งอยู่ห่างจากป้ายกูลิโกะชื่อดังประมาณ 300 ม. ค่ะ

cof

เก็บกระเป๋าเสร็จเราก้ไม่รอช้าค่ะ มุ่งหน้าเข้าสู่ย่าน Shinsaibashi ทันที

แวะซื้อไอติมสุดโปรดซักครู่ค่ะ

วันนี้อากาศค่อนข้างดีค่ะ แดดไม่แรง แต่มีฝนเทลงมานิดหน่อย

เดินถ่ายรูปเล่นระหว่างทาง

ถึงแล้วค่ะย่านชอปปิ้งที่เราจะตะลุยกันในวันนี้ ถ้าท่านใดเป็นแฟนรองเท้า ก็อย่าพลาดย่านนี้นะคะทั้ง Adidas NMD, Onitsuka Tiger

โดยรวมแล้วย่านนี้ก็จะเป็นของ street brand ทั่วๆไปค่ะ ถ้าท่านใดสนใจพวกของ brandname หรู จะแนะนำเข้าห้าง Daimaru, Takashimaya นะคะ

เติมพลังตลอดค่ะ

เสร็จจากย่าน Shinsaibashi เราจะเดินทางต่อไปที่ย่าน Orange street เป็นย่านฮิปสเตอร์ของโอซากาเลยค่ะ Target ของเราก็อยู่ที่รองเท้าผ้าใบสุดฮิปนั่นเอง ตามไปดูกันค่ะ ว่าเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง

 

ถึงแล้วค่ะทางเข้า Orange street

การเดินทางเดินข้ามถนนจากย่าน shinsaibashi มาไม่ไกลค่ะ

เดินเข้ามาก็จะเจอกับร้านกาแฟสุดฮิป Biotop อยู่ทางซ้ายมือ ร้านนี้จะมีทั้งกาแฟและเสื้อผ้าค่ะ บรรยากาศในร้านดีมากแหวกแนวดีค่ะ

มุมกาแฟในร้าน Biotop เหมาะกับ slow life อย่างเราๆมากค่ะ
มุมเสื้อผ้าจะเป็น multi brands ค่ะ
ต้นไม้เพื่อความร่มรื่น
แน่นอนค่ะ sneakers สุดฮิปก็ต้องมี

ร้านนี้เราแวะถ่ายรูปเฉยๆเพราะยังไม่เจอของที่ต้องการค่ะ ตามล่ากันที่ร้านต่อไป

ถึงแล้วค่ะ ร้าน undefeated เหล่า hypebeast ก็ไม่ควรพลาดร้านนี้ค่ะ

yeezy ของเด็กค่ะ

แฟนๆ BAPE ห้ามพลาดนะคะ

ร้าน Rinkan ร้านนี้ค่อนข้างพีคค่ะ จะมีพวก yeezy และรุ่นหายากต่างๆ แต่ราคาก็โหดไปตามๆกันค่ะ

 

วันนี้เวลาหมดลงสำหรับช็อปปิ้งนะคะ เนื่องจากเราได้จองซูชิที่ Kyubey ไว้ เป็น Michelin star 1 ดาว เคยทานแล้วครั้งนึงที่ Ginza, Tokyo วันนี้มีโอกาสมาโอซากาจึงอยากมาซ้ำอีกซักครั้งนึงค่ะ

ร้าน  Kyubey จะตั้งอยู่ที่ โรงแรม Imperial Hotel, Osaka

ป้ายหน้าร้าานค่ะ

วันนี้เราสั่งแบบ 12 pieces และก็จะมีมากิโรล ซุป เพิ่มเข้ามาให้ค่ะ

เริ่มที่คำแรกกันเลยค่ะ

จบลงไปแล้วทั้งหมด 12 คำนะคะ ค่าเสียหายจะอยู่ที่คนละประมาณ 3,500 บาท ซึ่งราคานี้ก็จะหากินในไทยยากมากๆสำหรับคุณภาพประมาณนี้ค่ะ ถ้าใครสนใจซูชิ 1 ดาว จองไม่ยากมากก็แนะนำค่ะร้านนี้เลย

 

 

Day 2

เริ่มต้นเช้าของวันด้วยการอาหารอร่อยๆทานที่ Kuromon Market อร่อย ถูก สด ฟินตามๆกันไปค่ะวันนี้

ข้าวหน้าปลาดิบ
ไข่หอยเม่น หวานและสดมากกกกกกค่ะ แนะนำเลย

หลังจากทานข้าวเช้ากันอิ่มหนำแล้ว วันนี้เราก็มุ่งหน้าต่อที่ Kobe ค่ะ แพลนของเราคือ กิน และช็อปเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือมีขึ้นชมวิวเมือง Kobe ที่ Mt. Maya

นั่งรถไฟจากโอซากามาประมาณ 45 นาที เราลงกันที่สถานี Sannomiya มุ่งหน้าสู่ร้านเนื้อโกเบขึ้นชื่อของที่นี่ Ishida

 มาถึงโกเบ แล้วเราก็ต้องจัดเนื้อโกเบกันซักหน่อยนะคะมื้อนี้ นุ่มละลายลิ้น ฟินกันไปอีกมื้อค่ะ

Foie gras

สำหรับท่านที่ไม่ทานเนื้อไม่ต้องห่วงนะคะ ร้านนี้ก็จะมี choices ต่างๆให้เลือกเป็น ปลา, seafood, abalone, foie gras ค่ะ

ข้าวผัดใน set lunch ค่ะ หอมกระเทียม อร่อยมากค่ะ

หลังจากทานอิ่มแล้ว เราก็มุ่งหน้าเข้าสู่ห้าง Daimaru ค่ะ ช็อปปิ้งนิดหน่อย และเดินทางไปต่อที่ Kobe tower นั่งชิลล์ บรรยากาศดี มีวัยรุ่นมาสวีทกันมากมายค่ะ

มันฝรั่งทอดร้อนๆ อร่อยมากค่ะอันนี้แนะนำ

ไฮไลท์ของวันนี้จะอยู่ที่ Mt. maya ค่ะ เรานั่ง bus กันหน้า Kobe port ไปลงที่ mt. maya ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. แนะนำให้ขึ้นไปตอนกลางคืนค่ะจะได้วิวที่สวยและโรแมนติก แต่ตอนที่เราไปอากาศจะค่อนข้างหนาวเลยค่ะ

เมื่อมาถึง เราจะต้องซื้อตั๋วเพื่อนั่ง cable car ต่อด้วย rope way ขึ้นไปถึงจะถึง mount นะคะ การเดินทางจริงๆก็ค่อนข้างลำบากหน่อยแต่วิวที่ได้เรียกว่าเกินคุ้มค่ะ

cable car
ต่อคิวซื้อตั๋วกันก่อนนะคะ
วิวระหว่างทางค่ะ

 

หลังจากเจออากาศหนาวๆบนยอดเขามา เราจึงต้องจบลงที่ชาบูค่ะในค่ำคืนนี้ ร้านนี้เราไม่ได้จดพิกัดมา เพราะไม่ได้อยู่ใน List ที่เราลงไว้แต่แรก แต่เรียกได้ว่าอร่อยมากทีเดียวค่ะ

 

วันสุดท้ายนี้เราจะพาทุกท่านไป Rinku Premium Outlet กันค่ะ เส้นทางจะอยู่ระหว่างทางไปสนามบินค่ะ

ประเดิมมื้อแรกกันด้วย Ichiran Ramen กันก่อนค่ะ

ต่อด้วย Luke’s Lobster ชื่อดังจาก New York วันนี้เราสั่ง Lobster Roll (US) อร่อยค่ะเนื้อแน่น สดมาก

ไปต่อค่ะ นั่งรถไฟเส้นทางเดียวกับที่ไปสนามบิน ถึงก่อนสนามบิน 1 สถานีค่ะ

เราลงที่ Rinku Town station และเดินต่อไป Outlet นิดเดียวค่ะ

ข้อมูลการเดินทางและร้านค้าต่างๆ ดูได้ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ

http://www.premiumoutlets.co.jp/th/rinku/access/

แบรนด์ดังๆก็จะมี Dolce&Gabbana, Salvatore Ferragamo, Miki house, Coach etc.

วันนี้เรามีเวลาที่นี่ประมาณ 2 ชม. ค่ะ ค่อนข้างเหลือเฟือสำหรับการช็อปปิ้ง

ขออภัยที่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมานะคะ พอดีช็อปเพลินไปหน่อยค่ะ 😀

 

ทางเราต้องขอจบการรีวิวครั้งแรกเพียงเท่านี้ ครั้งหน้าจะเป็นที่ไหนนั้นได้โปรดติดตามกันต่อไปค่ะ