20 เมืองที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต

Posted on

20 เมืองที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต

โลกนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย และสำหรับใครที่ยังหาจุดหมายปลายทางให้ตัวเองอยู่ ลองมองไปที่เมืองระดับท็อปแห่งการท่องเที่ยวเหล่านี้ ที่มีดีทั้งในแง่ของทัศนียภาพสวยๆ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ หรือศิลปะวัฒนธรรมที่ยังรอให้คนไปเยือนให้เห็นกับตา ซึ่งแม้จะมีนักท่องเที่ยวมากมายที่หลั่งไหลไปยังเมืองเหล่านี้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่หากได้ลองไปสัมผัสเองสักครั้ง คุณจะไม่สงสัยเลยที่ใครๆ ก็ต้องอยากไปที่นั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

[01]

PARIS

France

เมื่อ 60 ปีก่อน Audrey Hepburn คนสวย เคยกล่าวไว้ว่า “Paris is always a good idea.” และจนถึงปีนี้ปารีสก็ยังคงเป็นอย่างนั้น เพราะนอกจากหอไอเฟลสุดคลาสสิกกับปิระมิดคูลๆ หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แล้ว ในเมืองยังมีบรรยากาศสวยๆของแม่น้ำแซน, โบสถ์โนเตรอ-ดาม, มูแลงรูจ ร้านหนังสือ Shakespear and Company และอื่นๆ อีกมากมาย

ทางด้านคนรักหนังก็คงจะไม่พลาดการเดินไปตามถนนอย่างในหนังตระกูล Before Sunset, Ameli, Midnight in Paris หรือจะไปชมโรงละครที่เป็นต้นกำเนิดเรื่อง Phantom of the Opera ก็ไปกันได้ง่ายๆด้วยรถไฟเมโทรที่แสนสะดวกสบาย

[02]

VENICE

Italy

เมืองสุดมีเสน่ห์ที่มีลำคลองสะอาดๆไหลผ่านตลอดทั้งเมือง พร้อมไปเพลิดเพลินกับเรือกอนโดลาที่พาชมสถาปัตยกรรมสวยๆ สะพาน และบ้านริมลำคลองดีไซน์งามๆ เหมือนหลุดไปอยู่ในดินแดนโบราณแบบที่หาไม่ได้จากที่ไหนบนโลกนี้ แถมกิจกรรมเก๋ คือการเดินชมเทศกาลหน้ากาก masquerade ที่มีต้นกำเนิดอยู่ในเวนิซนี่เอง

[03]

AMSTERDAM

Netherland

การไปถ่ายรูปที่คลองในอัมสเตอร์ดัมก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด แถมมีพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆให้ไปชมกันได้มากมาย เช่นพิพิธภัณฑ์ฟาน-ก็อกห์ (แวนโก๊ะ) ศิลปินที่โด่งดังที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์กระเป๋า พิพิธภัณฑ์โรงเบียร์ไฮเนเก้น ฯลฯ ส่วนคนที่ชอบความตื่นเต้นยามค่ำคืนก็น่าจะชอบย่าน Red Light District หรือเขตขายบริการทางเพศที่เปิดให้ขายกันอย่างถูกกฎหมาย และมีการพรีเซนต์สินค้ากันแบบน่าตื่นตาตื่นใจ

[04]

LONDON

England

นอกจากชมหานาฬิกาบิ๊กเบนพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ หรือพระราชวังบักกิงแฮมแล้ว การนั่งชิงช้าสวรรค์ชมเมืองที่ลอนดอนอาย หรือไปจิบชาแบบวัฒนธรรมต้นตำรับของผู้ดีอังกฤษก็เป็นกิจกรรมที่ชวนหลงรัก ในลอนดอนมีคาเฟ่ดีๆ อาหารอร่อยมากมายตามถนนหนทาง ให้เลือกนั่งเลือกเพลินกันได้หลากหลายสไตล์ตั้งแต่แบบวินเทจจนถึงโมเดิร์น

[05]

PRAGUE

Czech Republic

เป็นเมืองที่นิตยสาร Lonely Planet ยกให้เป็นเมืองที่สวยคลาสสิกพอๆ กับปารีส เป็นเมืองเล็กๆที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งปลูกสร้างจากยุคเก่า ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจนถึงยุคนี้ ส่วนอีกหนึ่งอย่างที่ขึ้นชื่อก็คือเบียร์ ที่ราคาถูกกว่าน้ำเปล่า และมีรสชาติน่าลิ้มลอง ซึ่งสาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศที่ทานเบียร์เยอะที่สุดในโลกแซงหน้าเยอรมันเสียอีก

[06]

VATICAN

Italy

อันที่จริงนครรัฐวาติกันนับเป็นประเทศประเทศหนึ่ง (ที่มีประชากรน้อยที่สุดในโลก) ตั้งอยู่ในพรมแดนของกรุงโรมประเทศอิตาลี ที่นี่เป็นเมืองหลวงแห่งศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และเป็นที่ประทับของประสันตะปาปา นับเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และหลายคนก็เชื่อว่ามีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในนั้น คนที่ไปเยือนต้องห้ามพลาดมหาวิหารนักบุญเปโตร ที่สวยงามยิ่งใหญ่ทั้งภายนอกและการตกแต่งภายใน

[07]

BUDAPEST

Hungary

เป็นเมืองแห่งสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว ภายในบรรยากาศสุดโรแมนติกสมฉายา ‘ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ’ มีแลนมาร์คสำคัญคือพระราชวังเก่าและอาคารรัฐสภาสุดยิ่งใหญ่อลังการ รวมถึงปราสาทเขาวงกตบูดา (Labyrinth of Buda Castle) ที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนใต้ดินซึ่งโดนกัดเซาะจนกลายเป็นโพรงถ้ำยาวเหยียดและเคยถูกใช้เป็นที่หลบภัยของทหารในยุคสงคราม อีกสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือน้ำพุร้อนและโรงอาบน้ำแบบโบราณ หรูหราและน่าลงเล่นที่สุดในโลก

[08]

BERLIN

Germany

ไม่ใช่แค่การไปชิมไส้กรอกและดื่มเบียร์ให้สาแก่ใจ แต่เบอร์ลินยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเพียบ ทั้งงานสตรีทอาร์ทสุดเท่ หรือชมเมืองด้วยรถปั่นถังเบียร์ ให้ชมวิวไปด้วยดริ๊งค์ไปด้วย หรือใครที่ชื่นชอบเรื่องทางประวัติศาสตร์ เบอร์ลินก็มีร่องรอยจากยุคเก่าให้ชมมากมายเช่นอนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ที่เตือนใจคนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี

[09]

BARCELONA

Spain

เมืองนี้ไม่ได้มีดีแค่ทีมฟุตบอล แต่มีบรรยากาศไม่เหมือนที่อื่นในยุโรป ด้วยงานออกแบบของแอนโทนี เกาดี สถาปนิกสุดแนวที่ออกแบบตึกรามอย่างแปลกประหลาด มีความคดเคี้ยวลื่นไหลแปลกตา เช่นอาคารพิพิธภัณฑ์ Casa Batllo, อาคาร Casa Milla, ปาร์กเกวย์ (Parc Guell)

และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Familia Church) ที่มีการก่อสร้างอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ทุกกระเบียดนิ้ว ด้วยความละเอียดเบอร์นี้ทำให้โบสถ์นี้ใช้เวลาสร้างมายาวนานกว่า 100 ปี ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในอีก 30 ปีข้างหน้า

[10]

OIA

Greece

เมืองเอีย ที่ตั้งอยู่บนเกาะซานโตรินีที่โด่งดัง เป็นหมู่บ้านสีขาวบนเนินเขาริมทะเลสีคราม มีทัศนียภาพสวยงามเป็นเอกลักษณ์ด้วยอาคารแบบ Thera ทั้งบ้านเรือนและโบสถ์แสนสวยที่มีหลังคาสีเดียวกับน้ำทะเล รวมถึงบรรดาดอกเฟื่องฟ้าสีสดที่แซมๆ อยู่ตามถนนหนทาง ประกอบกันเป็นวิวสุดเพอร์เฟ็ค มีเสน่ห์สดใสเป็นที่สุด

[11]

MOSCOW

Russia

เป็นอีกเมืองที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น และมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะโบสถ์เซนต์ เบซิล (Saint Basil’s Cathedral) ที่เป็นไอคอนของคริสตศาสนานิกายออร์โธด็อกส์ ตั้งตระหง่านสีสันสวยงามอยู่บนจัตุรัสแดง (Red Square) เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของสหภาพโซเวียตที่ชวนให้ไปซึมซับกันอย่างจุใจ

[12]

NEW YORK

USA

การไปยืนท่ามกลางผู้คนที่ไทม์สแควร์พลางเปิดเพลง Empire State of Mind ฟังไปด้วย เป็นความรู้สึกที่สุดยอด และมหานครแห่งนี้ยังมีแทบทุกอย่างที่ผู้คนต้องการ ไม่ว่าอยากจะชมเมือง คาเฟ่ดีๆ ร้านอาหารนานาชาติ รวมถึงเรื่องของแฟชั่น ศิลปะ วัฒนธรรม ทุกสิ่งที่เป็นระดับท็อปๆ นิวยอร์กตอบโจทย์คุณเสมอ แม้แต่คนที่รักธรรมชาติ ที่นี่ก็มี Central Park สวนสาธารณะกลางเมืองขนาดใหญ่ ที่หย่อนใจได้พอๆ กับการเที่ยวป่า

[13]

SAN FRANCISCO

USA

สะพาน Golden Gate คือแลนมาร์กสุดป๊อบสำหรับซานฟรานซิสโก เมืองทั้งเมืองยังให้บรรยากาศสดใสแบบเวสต์โคสต์ คนรักทะเลก็มักจะมุ่งหน้าไปที่นี่เพราะมีกิจกรรมชายหาดให้ทำเพียบ อีกหนึ่งสถานที่สุดฮ็อตคือย่านชาวประมงที่เต็มไปด้วยซีฟู้ดรสชาติเยี่ยม และไชน่าทาวน์น่ามีเสน่ห์เป็นอันดับต้นๆในอเมริกา

[14]

CAPE TOWN

Africa

ดินแดนสวรรค์ของแอฟริกาใต้ เป็นพื้นที่ที่ความเจริญเข้าถึงมากที่สุด แต่ก็ยังมีพื้นที่ทางธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย เช่นแหลมกู๊ดโฮปที่ยื่นไปในมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย ทำให้ชายทะเลที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นด้วยการมีแมวน้ำและฝูงนกเพนกวินจิ๋วเต็มบริเวณ ในป่าก็อุดมสมบูรณ์มีสัตว์นานาชนิดให้ชม แถมยังมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนสบายๆเป็นอย่างยิ่ง

[15]

MARRAKECH

Morocco

ดินแดนแห่งวัฒนธรรมสวยๆ ในตะวันออกกลาง โมร็อคโคเป็นประเทศที่มีบ้านเรือนสวยงามไม่เหมือนใคร แถมยังเป็นเอกลักษณ์ด้วยลวดลายสวยงามของกระเบื้องและผนัง รวมถึงตลาดขายของพื้นเมืองที่มีทั้งเครื่องเทศนานาชนิด งานเย็บปักลายเอ็กซอติก ที่สำคัญห่างออกไปไม่ไกล ยังมีหมู่บ้านสีฟ้า Chefchaouen ที่ทาบ้านเรือนรวมถึงถนนเป็นสีฟ้าครามสวยบาดใจ

[16]

JAIPUR

India

อินเดียไม่ได้มีแค่ทัชมาฮาลที่พลาดไม่ได้ แต่ Hawa Mahal อาคารสีชมพูสดใสในเมืองชัยปุระก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ว่ากันว่าที่นี่เป็นเมืองที่สีสันจัดจ้านที่สุดในอินเดีย เพราะเต็มไปด้วยตึกที่ตกแต่งอย่างประณีตวิจิตร เช่น Amber Fort หรือ City Palace แถมยังขึ้นชื่อเรื่องผังเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ถูกออกแบบไว้อย่างดี เป็นที่ที่ร่องรอยความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอินเดียโบราณปรากฎชัดเจนมาก

[17]

LHASA
Tibet

พื้นที่แห่งจิตวิญญาณอันสงบสุข ธงหลากสีปลิวไสว ด้วยอิทธิพลของพุทธศาสนานิกายมหายาน หลายคนมักจะไปแสวงบุญที่นี่ เพลิดเพลินกับการได้เห็นวิถีชีวิต พิธีกรรม เห็นชนพื้นเมืองอยู่ในชุดชนเผ่าสุดน่ารัก ไม่ไกลกันก็เป็นวิวที่ราบสูง ทะเลสาบและบ้านแคมป์แบบคนเดินทาง แถมยังมีสัตว์หน้าตาประหลาดๆ อย่างเช่นลามะ หรือตัวจามรีให้ชมด้วย

[18]

TOKYO

Japan

จะไม่พูดถึงเมืองหลวงของญี่ปุ่นเลยก็คงไม่ได้ เพราะโตเกียวนั้นเป็นดินแดนสุดหวือหวา ไม่ว่าคนไทยจะหลั่งไหลไปเที่ยวมากแค่ไหน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเที่ยวอย่างทะลุปรุโปร่ง เพราะโตเกียวมีหลายมิติตั้งแต่วัดวาอาราม สวนสาธารณะ ลำคลอง วิวซากุระ ไปจนถึงถนนสายแฟชั่น ถนนสายเศรษฐกิจ และร้านรวงแปลกๆ ที่เป็นผลผลิตของความครีเอตแบบญี่ปุ่นอยู่เต็มไปหมด

[19]

KYOTO

Japan

ทางด้านเกียวโตก็ให้อารมณ์ที่ต่างจากเมืองหลวงอย่างโตเกียว โดยให้บรรยากาศของเมืองเก่าอันแสนรุ่งเรือง การได้แต่งชุดกิโมโนเดินไปตามถนนในหมู่บ้านโบราณ หรือเดินลอดทิวเสาสีส้มที่ศาลเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ ก็ยังเป็นที่เพลินใจไ้ดเสมอ ทางด้านวัดคิโยมิซึหรือวัดน้ำใสก็เป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช้ตะปูดอกแม้แต่ตัวเดียว ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้สวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ถือเป็นจุดชมวิวที่เยี่ยมยอดที่สุด

[20]

BALI

Indonesia

อีกหนึ่งเมืองเด่นของอินโดนีเซีย บาหลีล้อมรอบไปด้วยทะเลและกิจกรรมชายหาดเจ๋งๆ ทั้งการเล่นเซิร์ฟหรือการดำน้ำ ทางด้านวัดวาอารามแบบฮินดูก็มีเอกลักษณ์แปลกตาน่าชม นอกจากนั้นก็ยังมีสวนลิง นาข้าวขั้นบันได การแสดงพื้นเมือง จนถึงกาแฟขี้ชะมดให้ชิมกันถึงสวน นับว่าไปเที่ยวที่บาหลีไม่ได้มีแค่อารมณ์แบบทะเลๆ อย่างแน่นอน