15 หนังภาพสวยตลอดกาล ควรค่ากับการเสพวิชวลให้สุดฟิน

15 หนังภาพสวยตลอดกาล…ควรค่ากับการเสพวิชวล

ในหนังแต่ละเรื่อง มีองค์ประกอบหลากหลายที่มารวมกันจนกลายเป็นการสื่อสารอันทรงพลัง และหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่สร้างเสน่ห์ให้กับหนังนั้นๆ ได้มหาศาล ก็คือ ‘ภาพ’ ที่ถูกสร้างสรรค์จัดวางมาอย่างดี เป็นส่วนผสมที่ลงตัวขององค์ประกอบศิลป์และรสนิยมของตัวผู้กำกับเอง

และต่อไปนี้ก็คือรายชื่อหนังที่นักดูหนังทั้งหลายเห็นตรงกันว่ามีภาพสวยงามที่สุดแล้ว จะมีเรื่องอะไรบ้างลองไปดูกัน

[1.]

The Neon Demon (2016): กำกับโดย Nicolas Winding Refn


ผลงานล่าสุดของผู้กำกับจาก Only God Forgives โดยเรื่องนี้ก็ยังคงสีสันแบบไฟนีออนยามค่ำคืนอยู่เหมือนเดิม หนังว่าด้วย Jesse เด็กสาววัย 16 ปี ที่ต้องการก้าวเข้าสู่วงการนางแบบ ซึ่งความสวยของเธอนอกจากทำให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแล้วมันยังนำอันตรายมาสู่ตัวเองด้วยเช่นกัน

หนังเต็มไปด้วยสีสันจากฉากและแสงที่จัดจ้านเข้ากับเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับวงการแฟชั่นได้อย่างดี แถมยังดื่มด่ำกับความเก๋ของวงการแฟชั่นได้ตลอดทั้งเรื่อง อีกอย่างหนึ่ง แค่ดูสาวๆ ในเรื่องโดยเฉพาะ Elle Fanning ก็ฟินมากแล้ว

[2.]

The Grand Budapest Hotel (2014): กำกับโดย Wes Anderson

ผู้กำกับคนนี้ขี้นชื่อเรื่องความสวยงามของภาพและการเลือกใช้สีอยู่แล้ว และนี่ก็เป็นหนึ่งในงานมาสเตอร์พีซของเขา

เรื่องราวของหนังแบ่งเป็นตอนๆเล่าชีวิตของหลายตัวละครที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม The Grand Budapest
หนังเรื่องนี้ยังพิเศษที่การเล่นกับสัดส่วนของภาพยนตร์ซึ่งเปลี่ยนไปตามยุคสมัยในหนัง เช่นสัดส่วนที่เกือบจตุรัสตอนต้นเรื่องเหมือนในหนังเก่าในช่วงยุค1930 หรือสัดส่วนภาพกว้างแบบ Anamorphic ที่ฮิตกันในยุค 1950-1960

[3.]

The Great Gatsby (2013):กำกับโดย Baz Luhrmann

ถ้าอยากเห็นภาพอุดมคติของสังคมไฮโซในนิวยอร์กช่วงปี 1920 ต้องไม่พลาดหนังเรื่องนี้ หนังเล่าผ่านมุมมองของ Nick Carraway ผู้ที่ย้ายที่อยู่ไปยัง West Egg ที่นั่นเขาได้พบกับเพื่อนบ้านใหม่คือ
คุณ Gatsby มหาเศรษฐีผู้ลึกลับ ซึ่งนอกจากฉากสวยๆ ของบ้านเมืองแล้ว เครื่องแต่งกายของตัวละครทุกชุดก็ดูเพลินด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ชุดของเศรษฐี นักเต้น ชาวปาร์ตี้ หรือกระทั่งสาวปั๊มน้ำมัน

[4.]

Amelie (2001): กำกับโดย Jean-Pierre Jeunet

หนังโดดเด่นด้วยคู่สีแดงเขียวฉูดฉาดที่ตัดกันอย่างสวยงาม บวกกับบรรยากาศสวยๆ ในเมืองปารีส ทั้งถนนหนทางและคาเฟ่ ร้านรวงต่างๆ ที่เราจะได้เห็นผ่านการติดตามชีวิตของ Amélie Poulain สาวน้อยช่างฝันกับเรื่องราววายป่วงมากมายที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอ

[5.]

Memories of Matsuko (2006): กำกับโดย Tetsuya Nakashima

หนังของผู้กำกับชื่อดังชาวญี่ปุ่นคนนี้ ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นกับภาพแบบไม่ปรานีปราศรัย และ Memories of Matsuko ก็เช่นกัน หนังว่าด้วยเรื่องของหลานชายที่สืบค้นเรื่องราวของป้า Matsuko ผู้ล่วงลับ หนังค่อยๆ เปิดเผยชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กจนโต ตลอดทั้งเรื่องมีฉากความจริงสลับความเพ้อฝัน ที่ทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพที่สวยงามหลากอารมณ์

[6.]

In The Mood For Love (2000): กำกับโดย Wong Kar-wai

นี่คืองานชิ้นโบว์แดงของผู้กำกับสุดเหงาอย่างหว่อง กาไว ที่เล่าเรื่องในสังคมฮ่องกงยุค 1960s เป็นเรื่องราวของโจวมู่หวัน และ โซวไหล่เจิน เพื่อนข้างห้องที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าเดียวกันพบว่าภรรยาและสามีของตัวเองลักลอบเป็นชู้กัน แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับตกหลุมรักกันเสียเอง จริงๆ หนังทั้งเรื่องเล่าเรื่องเพียงแค่นี้แต่ด้วยดนตรีที่ละเมียดละไม รวมถึงโทนสีในหนังที่เน้นไปทางแดงส้มสุดร้อนแรง และมุมกล้องที่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังแอบมองคู่รักคู่นี้อยู่ตลอดเวลา

[7.]

หมานคร Citizen Dog (2004): กำกับโดย วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง

หนังไทยในตำนานที่หลายคนน่าจะเคยเห็นตั้งแต่ยุคของร้านเช่าซีดี หนังเล่าเรื่องของป๊อด หนุ่มบ้านนอกที่มาทำงานในโรงงานปลากระป๋องแล้วดันตัดนิ้วตัวเองลงไปในกระป๋อง กับจิน พนักงานทำความสะอาดที่บ้าการจัดเก็บของจนมีขวดพลาสติกกองพะเนินเทินทึก หนังทำการเสียดสีวิถีชีวิตคนในกรุงเทพฯ ผ่านภาพที่แต่งสีจนสวยงาม เหนือจริง ซึ่งองค์ประกอบเหนือจริงอื่นๆ ในเรื่องก็ล้วนแต่เซอร์ไพรส์กันได้แบบถึงใจเช่นกัน

[8.]

The Secret Life of Walter Mitty (2013): กำกับโดย Ben Stiller


Walter Mitty (แสดงโดย  Ben Stiller ตัวผู้กำกับเอง) เป็นคนล้างฟิล์มให้กับนิตยสาร Life ตัวเขาเองมักจะฝันกลางวันถึงการผจญภัยแต่ไม่เคยได้ออกไปทำอะไรจริงๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง Walter ต้องออกไปตามหารูปที่จะเป็นปกให้กับนิตยสารฉบับสุดท้าย นั่นทำให้เข้าได้ออกผจญภัยในโลกแห่งความจริงซักที หนังรวมภาพจินตนาการของพระเอกกับวิวสวยๆ ในโลกแห่งความจริงไว้ด้วยกันอย่างสวยงาม แม้แต่ภาพในเมืองก็สวยงามดูเพลิน ไม่ได้ชวนอึดอัดอย่างที่พระเอกรู้สึกแต่อย่างใด

[9.]

Her (2013): กำกับโดย  Spike Jonze

ฉากของหนังอยู่ที่เมือง Los Angeles ในยุคอนาคต Theodore Twombly ชายหนุ่มขี้เหงาที่เลิกรากับ Catherine ภรรยาของเขา แล้วเริ่มสานสัมพันธ์ใหม่กับ Samantha ผู้ที่เป็นแค่เสียงในระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ภาพของหนังอบอุ่นโรแมนติคด้วยโทนสีส้ม นอกจากจะหวานแล้วบรรยากาศของหนังก็ยังเหงาด้วยการจัดภาพให้ Theodore อยู่อย่างโดดเดี่ยวได้แบบสวยงามเสียจริง

[10.]

The Fall (2006): กำกับโดย Tarsem Singh


เชิญดำดิ่งไปกับบรรยากาศผจญภัยในฉากโลกอาหรับ ผ่านเรื่องราวของ Roy Walker สตันท์แมนแขนหักที่ได้เล่านิทานให้ Alexandria เด็กหญิงที่เขาพบที่โรงพยาบาลฟัง หลังจากนั้นความจริงและจินตนาการก็ปะปนกันไปหมด โลกในนิทานของหนังถูกสร้างด้วยบรรยากาศคล้ายนิยาย 1001ราตรี การจัดองค์ประกอบภาพรวมถึงการใช้สีสันยังเหมือนภาพวาดแบบเซอร์เรียลที่ดูแล้วชวนให้อ้าปากค้างได้หลายฉากทีเดียว

[11.]

Life of Pi (2012): กำกับโดย Ang Lee

ว่าด้วยการผจญภัยของหนุ่มพาย ที่เรือแตกและต้องล่องลอยอยู่กลางทะเลกับเสืออีก 1 ตัว แม้หนังเรื่องนี้จะดำเนินเรื่องส่วนใหญ่อยู่กลางท้องทะเล เกือบทุกสิ่งทำขึ้นโดยใช้กรีนสกรีนและ CG แต่ทีมงานทำออกมาได้ถึงมาก ดูเป็นโลกเหนือจริงที่ยามน่ากลัวก็น่ากลัวที่สุด แต่ยามที่สวยงามก็ประทับใจอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน

[12.]

What Dreams May Come (1998): กำกับโดย Vincent Ward


ความสวยงามของหนังเรื่องนี้คือภาพดินแดนหลังความตาย เป็นเรื่องราวของ Chris Nielsen และ Annie Collins คู่รักที่สูญเสียลูกสองคนไปในอุบัติเหตุ ต่อมา Chris ก็ประสบอุบัติเหตุเช่นกัน เหลือเพียงแต่ Annie ที่ใช้ชีวิตเพียงลำพัง Chris ที่ตายไปได้ไปอยู่บนสวรรค์พยายามสื่อสารกับภรรยา แต่ก็ทำไม่ได้ Annie ทนใช้ชีวิตต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายและตกนรก Chris จึงตัดสินใจไปช่วยเธอในนรก โดยสวรรค์ของหนังถูกสร้างจากภาพวาดสีน้ำมันของ Annie จนออกมาเป็นดินแดนในฝันที่เปี่ยมสีสันคล้ายภาพวาดที่หลอมรวมอยู่ในความจริง

[13.]

Avatar (2009): กำกับโดย James Cameron

ถ้าพูดถึงสุดยอดของ CG เรื่องนี้ต้องติดอันดับท็อปแน่นอน มุมมองของหนังเองก็น่าสนใจเมื่อมนุษย์กลับกลายสถานะเป็นมนุษย์ต่างดาวผู้บุกรุกดาวดวงอื่นแทน ความรักและมิตรภาพเกิดขึ้นบนดาวอีกดวงหนึ่งที่มีทัศนียภาพตระการตา ซึ่งทีมหนังออกแบบมาได้ดีมาก ทั้งป่าเขา ดอกไม้ ผืนน้ำ หรือสิ่งมีชีวิต

[14.]

Gravity (2013): กำกับโดย Alfonso Cuarón

สำหรับหนังอวกาศก็มีเรื่องที่ขึ้นแท่นเรื่องภาพสวยอยู่หลายเรื่องด้วยกัน และ Gravity ก็เป็นหนึ่งในนั้น เรื่องราวของนักบินอวกาศหญิงที่เกิดอุบัติเหตุในห้วงอวกาศที่กว้างไกล นอกจากจะเอาใจช่วยเธอไปตลอดทั้งเรื่องแล้ว ผู้ชมก็ยังอาจจะลืมหายใจกับภาพความเวิ้งว้างสวยงาม ที่เหมือนกับว่าพาเราไปอยู่ในอวกาศด้วยจริงๆ

[15.]

La La Land (2016): กำกับโดย Damien Chazelle

หนังดังของปีที่ผ่านมา ว่าด้วยเรื่องของ Mia หญิงสาวผู้มีฝันอยากเป็นดารา และ Sebastian นักเปียโนหนุ่มผู้อยากเป็นนักดนตรี Jazz ทั้งคู่ต่างมาหาโอกาสของตัวเองในเมือง Los Angeles และได้พบรักกัน หนังใช้ฟิล์มถ่ายในสัดส่วนกว้างแบบ CinemaScope เหมือนหนังเพลงในยุค 1950 สีสันของหนังสวยงามสดใสในแบบที่ให้กลิ่นอายแบบหนังเก่าต้นตำรับ แต่ขณะเดียวกันก็มีความใหม่ที่ผสมผสานกันได้อย่างกลมกล่อม ลงตัว