รู้ก่อนซื้อ! กับ 10 รายจ่าย ที่ต้องเสีย…เมื่อมีรถ

Posted on

            ประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด เมื่อวัดได้จากความต้องการรถยนต์ในแต่ละปีของประชากรต่อปีที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงราคาค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามเศรษฐกิจ จึงไม่แปลกนักที่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการจะมีรถยนต์คันแรกเป็นของตัวเองมากกว่าการซื้อบ้าน เพื่อตัดปัญหาของเวลาในการเดินทาง แถมบางครัวเรือนก็ไม่ได้มีรถยนต์แค่คันเดียว

            แต่รู้หรือเปล่าว่า การที่จะมีรถยนต์สัก 1 คัน มันไม่ได้เพียงแค่มีเงินดาวน์รถออกมาก็จบๆไปในราคาของยนต์ต่อ 1 คัน หรือค่าผ่อนรถในแต่ละเดือน แต่มันยังมีค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากนั้นที่หลาย ๆ คนลืมนึกถึง วันนี้ Drivemate จึงจะพามาดูว่าเมื่อคุณมีรถยนต์ 1 คันแล้ว คุณยังจะต้องเสียเงินจ่ายอะไรอีกบ้าง

1 . ค่า พ.ร.บ. รายปี

            พ.ร.บ. คือ การประกันรถยนต์ภาคบังคับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งแน่นอนว่ารถทุกคันจะต้องมี พ.ร.บ. รถยนต์ ตามกฎหมายกำหนด โดยค่าใช้จ่ายต่อปีราคาก็ประมาณอยู่ที่ 600-1,200บาท ซึ่งราคานั้นก็ยังขึ้นอยู่กับประเภทของรถ (ถ้าหากรถยนต์ไม่มี พ.ร.บ. ก็มีโทษปรับไม่เกิน10,000 บาท) และบางครั้งก็จะเป็นค่าใช้จ่ายที่พ่วงมากับประกันภัยรถยนต์หรือบางครั้งก็ต้องซื้อแยกต่างหาก

 

2. ค่าต่อทะเบียน

            การต่อทะเบียนก็คือการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500-3,000 บาทต่อปี ยิ่งรถที่คุณซื้อมามีขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ใหญ่เท่าไหร่ ราคาในการเสียภาษีส่วนนี้ก็ยิ่งทวีมากขึ้น และยิ่งไปกว่านั้น ถ้ารถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี คุณอาจจะต้องเสียภาษีรถยนต์ที่มากขึ้นแถมยังต้องเอารถไปตรวจสภาพอีกด้วย

 

3.ค่าประกันภัย

            ประกันภัยรถยนต์ จะเป็นตัวการันตีที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากภัยจากรถยนต์ เท่าที่ทราบกันดีว่าประกันภัยนั้นมีตั้งแต่ชั้น 1-3 ซึ่งเบี้ยประกันที่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ การคุ้มครองรถก็ยิ่งได้มากขึ้น ซึ่งราคาเริ่มต้นเฉลี่ยแล้วเริ่มต้นที่ประมาณ 6,000 บาท  ยิ่งรถของคุณมีราคาแพงเท่าไหร่ ค่าเบี้ยประกันก็จะแพงยิ่งขึ้น

 

 

4. ค่าบำรุงรักษา

            ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วมักจะมีค่าบำรุงรักษา รถยนต์เองก็เช่นกัน แถมบำรุงแต่ละครั้งก็อาจะจะทำเราอ่วมไปไม่น้อย แถมค่าใช่จ่ายในการบำรุงแต่ละครั้งราคาก็ไม่ตายตัวเพราะมันก็ต้องขึ้นอยู่ยี่ห้อรถ รุ่น การใช้งาน และความสามารถในการใช้รถอย่างถนอมของแต่ละบุคคล ค่าบำรุงรักษาในแต่ละครั้งก็ไม่ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท และถ้ารถยนต์ของคุณเริ่มเก่า ค่าบำรุงรักษาก็อาจจะสูงถึงขึ้นหลักหมื่นต่อปี

 

5. ค่าน้ำมัน

            คงต้องบอกอย่างไม่โกหกเลยว่า ค่าน้ำมันนั้นคือค่าเสียหายที่ระบุตัวเลขให้ตายตัวได้ยากที่สุด เพราะราคาน้ำมันมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา และการใช้งานของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน และยิ่งคนที่ต้องใช้รถทุกวัน ค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายแล้วเอาบิลมารวมกัน คิดเป็นรายเดือนก็อยู่ที่ 3,000-5,000บาท ยิ่งรถคันใหญ่ ค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย ทั้งนี้ก็ตามลักษณะนิสัยการขับรถของแต่ละบุคคล ซึ่งบอกเลยว่าราคาที่เสียให้กับค่าน้ำมันนั้น…แต่ละเดือนมักไม่ตายตัว

 

6. ค่ายางรถยนต์

            ยางรถยนต์ ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญ เพราะถ้าไม่ยางรถยนต์ รถก็คงไม่สามารถขับเคลื่อนได้ และยางรถยนตน์นี่แหละที่ต้องบำรุงรักษาเพราะมันเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนน และเมื่อถึงเวลาในการเปลี่ยนยางรถยนต์ ลองคิดดูเล่นๆ แล้วกันว่า ยางรถยนต์เส้นนึงนั้นมีราคาเท่าไหร่

 

7. ค่าทางด่วน

            หลายคงคงไม่อยากจะเสียอารมณ์รถติดยนต์ท้องถนนในชั่วโมงเร่งด่วน การใช้ทางด่วนก็คงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การใช้ทางด่วนก็ย่อมมีค่าใช้จ่าย แถมการขึ้นทางด่วนต่อครั้ง ราคาก็เฉลี่ยอยู่ที่ 50 -100 บาท นาน ๆ ใช้ทางด่วนก็อาจจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ลองคิดว่าเราต้องขับรถขึ้นทางด่วนทุกวัน ราคาที่คิดมาเฉลี่ยต่อเดือนแล้วก็เป็นราคาที่ไม่น้อยเหมือนกัน

 

8. ค่าที่จอดรถ

            ค่าจอดคงจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนที่อาศัยอยู่ที่หอพัก คอนโดมิเนียม หรือการขับรถไปทำงานในย่านธุรกิจ การเสียเงินไปกับค่าที่จอดรถก็เป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้ แม้ในแต่ละพื้นที่การเช่าที่จอดรถจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปก็ตาม

9. ค่าล้างรถ

            ถ้าคนที่ล้างรถด้วยตัวเอง จุดนี้ก็คงไม่มีปัญหา แต่ก็คงไม่มีใครจะขยันและมีเวลาที่มากพอจะล้างรถเองได้ตลอดเวลาและเสมอไป ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องมีซักครั้งสองครั้งที่เราต้องเอารถไปเข้า Car Care เพื่อไปทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งค่าใช่จ่ายก็มีตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไปซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบริการที่ต้องการ

 

10. ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

            ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่กำลังจะบอกนี้ ก็คือค่าใช้จ่ายแอบแฝงอื่น ๆ โดนที่เราเองก็ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นค่าแต่งรถ อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ค่าจองแผ่นป้ายทะเบียนสำหรับคนที่อยากได้ป้ายทะเบียนหมายเลขที่ตัวเองชื่นชอบ หรือแม้แต่ค่าปรับเมื่อคุณขับรถผิดกฎจราจร

 

 

            การมีรถสักคันนั้นเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน ซึ่งนั่นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด  แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถสักคันนั้น เราควรพิจารณาอย่างละเอียดก่อนว่า เราสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จะตามมาการการซื้อรถได้มากน้อยแค่ไหน และในชีวิตจริง ยิ่งสังคมคนเมืองด้วยแล้ว เราใช้รถยนต์กันอย่างจริง ๆ จังๆ กี่วันกัน เมื่อต้องเผชิญกับปัญหารถติดและมลพิษทางอากาศในแต่ละวัน ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังแล้วล่ะก็ รถที่คุณซื้อมาขับก็จะต้องจอดทิ้งไว้ที่บ้าน และหันมาใช้ขนส่งมวลชนตามเดิม แต่คุณเองก็ยังคงต้องเสียค่าดูแลรักษารถยนต์ต่อไปแม้ว่าคุณจะไม่ค่อยได้ขับก็ตามที

            การนำรถที่คุณไม่ค่อยได้ขับจะนำไปขายเป็นรถมือสองก็ดูจะเป็นราคาที่ทำใจยากพอสมควร เพราะราคารถอาจจะลดลงมากถึง 50% เลยทีเดียว…

           มันคงจะดีกว่านี้ถ้ารถที่คุณซื้อมาแต่ว่าไม่มีเวลาขับ หันมาสร้างรายได้โดยที่ไม่ต้องนำไปขายต่อเป็นรถมือสองด้วย การนำรถมาเป็นพาร์ทเนอร์ในระบบแพลตฟอร์มธุรกิจ Carsharing ที่ถือว่าเป็นคอมมิวนิตี้แบบใหม่  โดยที่คุณสามารถกำหนดวันเวลารวมถึงราคาการปล่อยเช่ารถของคุณได้ตามต้องการ หรือแม้แต่การหารถเช่าที่เหมาะกับการใช้งานในแต่ละวัน และไลฟ์ไตล์ที่แตกต่างออกไป ยิ่งกับสังคมแห่งการแบ่งปันที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงนี้แล้ว การซื้อรถมาขับเองอาจจะยังเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นก็ได้ตราบใดที่เราไม่ได้ใช้ทุกวัน เมื่อเทียบจากค่าใช่จ่ายที่เราต้องเสียต่อรถ 1 คัน และสุขภาพจิตที่อาจจะเสียตามเมื่อเจอปัญหารถติด ด้วยปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น

 

ที่มา: http://www.canadianbusiness.com

http://www.goldenusedcar.com

 

เรียบเรียงโดย: Kittiya K.