พระอัจฉริยภาพด้านภาษา และวรรณกรรมที่แฝงด้วยปรัชญา จากในหลวง รัชกาลที่ 9

Posted on

    ภาษาและวรรณกรรม หนึ่งในพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่มีอยู่มากมาย ท่านทรงเป็นกษัติย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถโดดเด่นในด้านภาษา สามารถใช้ภาษาได้ถึง 7 ภาษาด้วยกัน

    ถึงแม้นว่าจะทรงเจริญวัยในต่างแดน แต่พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องตามหลักนิรุติศาสตร์ ทำให้เมื่อทรงมีเวลาว่างจะทรงพระอักษร และพระราชนิพนธ์แปลบทความจากวารสารภาษาต่างประเทศ

    

“นักเขียน นักประพันธ์ งานสำคัญก็คือ แสดงความคิดของตนออกมาเป็นเรื่องชีวิต หรือเรื่องแต่งขึ้นมา เพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ คือความรู้บ้าง บันเทิงบ้าง นักแสดงความคิดสำคัญมาก เพราะว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตของมวลมนุษย์ อาจทำให้เกิดความคล้อยตามไป และตัวท่านเขียนดีก็ยิ่งคล้อยตามกันมาก ฉะนั้น นักประพันธ์ต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะท่านเป็นผู้ปั้นความคิดและความบริสุทธิ์ในความคิดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังบทความกลั่นกรองไว้ในสมองว่า สิ่งที่จะเขียนออกมาจะไม่แสลง ไม่ทำลายความคิดของประชากร ไม่ทำลายผู้อื่น และตนเอง คือมีเสรีภาพในการเขียนอย่างเต็มที่ในขอบเขตของศีลธรรม”

    พระบรมราชโอวาสพระราชทานแก่คณะกรรมการสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย พระตำหนักจิตรลดารโหฐานวันศุกร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๕

    ตลอดระยะเวลาอันยาวนานตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชขึ้นครองสิริราชสมบัติ ทรงอุทิศพระวรกายทรงงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชากรของพระองค์ ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายแทบมิได้ว่างเว้น แต่ก็ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในงานแปล และมีงานพระราชนิพนธ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพ และพระปรีชาสามารถด้านภาษาและวรรณกรรม ยิ่งไปกว่านั้น..พระองค์ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องและสละสลวย ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน

    “พระมหาชนก” เป็นหนึ่งในงานพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงแปลเป็นภาษาอังกฤษ ตรงจาก ‘มหาชนกชาดก’ ในพระไตรปิฎก ส่วนพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายชาดก เล่มที่ 4 ภาคที่ 2 เป็นเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก อันเป็น ชาดก 10 ชาติสุดท้าย ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทรงปรับแต่งดัดแปลงเล็กน้อย เพื่อให้เข้าใจง่าย และสอดคล้องกับยุคสมัยและปัญหาโลกปัจจุบัน เป็นหนังสือที่ทรงพระพระราชนิพนธ์ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย

เรื่องราวในพระราชนิพนธ์ พระมหาชนกมีใจความโดยสรุปดังนี้

    พระมหาชนก เป็นกษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา แคว้นวิเทหะ ทรงมีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ “พระอริฎฐชนก” และ “พระโปลชนก” หลังจากพระมหาชนกสวรรคต พระอริฏฐชนกได้ขึ้นครองราชย์สมบัติ และทรงแต่งตั้งพระโปลชนกเป็นอุปราช
ต่อมาได้เกิดเหตุสู้รบกันระหว่างพระอริฏฐชนกและพระโปลชนกอันเนื่องมาจากการยุแหย่ของเหล่าอมาตย์ใกล้ชิด พระอริฏฐชนก ได้สิ้นพระชนม์ชีพในสนามรบ พระเทวีซึ่งเป็นพระอัครมเหสีกำลังทรงพระครรภ์อยู่จึงได้หลบหนีออกจากกรุงมิถิลามุ่งหน้าสู่นครจัมปากะและต่อมาได้ประสูติพระโอรสซึ่งมีวรรณะดั่งทอง พระเทวีได้ขนานนามพระโอรสเหมือนพระอัยกาว่า “มหาชนกกุมาร”

    พระมหาชนกทรงทราบเรื่องเกี่ยวกับพระบิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จึงตั้งพระทัยเสด็จฯ ค้าขายยังเมืองสุวรรณภูมิ เพื่อให้ได้ทรัพย์เพื่อทำการทวงสมบัติคืน จึงทรงนำพวกพาณิชประมาณ 700 คนขึ้นเรือเดินทางออกสู่มหาสมุทร ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พระโปลชนกทรงประชวร เมื่อเรือแล่นไปได้ 7 วัน ไกลประมาณ 700 โยชน์ ก็เจอคลื่นยักษ์จนเรืออับปาง และวันนั้นก็เป็นวันที่พระโปลชนกสวรรคต

    พระมหาชนกทรงว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรอยู่ 7 วัน เทพธิดาชื่อ “มณีเมขลา” ผู้ดูแลรักษาสัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบด้วยคุณความดี ไม่ให้ตามในมหาสมุทรก็ตรวจตราพบ จึงเหาะมาทดลองความเพียรโดยถามพระมหาชนกว่าเมื่อมองไม่เห็นฝั่งแล้วจะพยายามว่ายอยู่ทำไมพระมหาชนกตรัสตอบว่า

    “เราไตร่ตรองเห็นปฏิปทาแห่งโลก และอานิสงส์ แห่งความเพียร เพราะฉะนั้นถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ท่านกลางมหาสมุทร และ “เราทำความพยายามแม้ตายก็จักพ้นครหา บุคคลเมื่อกระทำความเพียร แม้จะตายก็ชื่อว่าไม่เป็นหนี้ในระหว่างหมู่ ญาติ เทวดา และบิดา มารดา อนึ่ง บุคคลเมื่อทำกิจอย่างลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง”

    นางมณีเมขลายังได้ กล่าวทดลองความเพียรของพระมหาชนกอีกหลายประการ จนได้ประจักษ์ในความเพียรของพระองค์ จึงได้อุ้มพาเหาะไปในอากาศจนถึงเมืองมิถิลา

    ด้วยความเพียรและปัญญา ทำให้พระมหาชนกสามารถตอบปัญหา 4 ข้อ ที่พระโปลชนกทิ้งไว้ก่อนสวรรคตได้ และได้อภิเษก กับ “สีวลีเทวี” พระธิดาองค์เดียวของพระโปลชนก ตลอดจนได้ครองกรุงมิถิลา และต่อมาได้ทรงตั้งสถาบันการศึกษาขึ้น ชื่อว่า “ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย”

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง ” พระมหาชนก” ด้วยความประณีต และทรงตั้งพระทัยเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ให้เป็นเครื่องเตือนใจประชาชน เข้าถึงจิตใจผู้คน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ให้เกิดความคิดในทางสร้างสรรค์ ถึงความเพียรเพื่อที่จะฝ่าฟันทุกอุปสรรคให้ผ่านพ้น และก่อให้เกิดสัมมาทัศนะในการดำเนินชีวิต ในทิศทางการพัฒนาประเทศ ในพระราชปรารภหรือคำนำของพระราชนิพนธ์ คือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิมพ์ในโอกาสเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษกแห่งรัชกาล ให้เป็นเครื่องพิจารณาเพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของสาธุทั้งหลาย ดังนี้

1. ในยามวิกฤต ต้องคิดพึ่งตนเอง เทวดาจะช่วยผู้ที่ช่วยตัวเองเท่านั้น

2. ความเพียรอันบริสุทธิ์ หมายถึง ต้องพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อที่จะก้าวผ่านวิกฤต สร้างเศรษฐกิจจริงด้วยงานหรือความเพียรอันบริสุทธิ์

3. สร้างเศรษฐกิจด้วยการอนุรักษ์และเพิ่มพูนทรัพยากร

4. โมหภูมิและมหาวิชชาลัย หมายถึง มนุษย์จะสามารถปฏิรูปการเรียนรู้ของมนุษย์ต้องหลุดพ้นจากอวิชชา เพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างแท้จริง

    นอกจากพระมหาชนก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชยังทรงงานพระราชนิพนธ์อีกมากมาย อาทิ เมื่อข้าพเจ้าจากสยามสู่สวิสแลนด์ , นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ , คุณทองแดง , ติโต และยังมีบทความที่พระองค์ได้ทรงที่ทรงแปลและเรียบเรียงไว้อีกมากมายเช่นกัน ซึ่งทุกเล่มล้วนแฝงแนวคิด ปรัชญาดี ๆ ไว้เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้เรียนรู้ และนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน

    พระองค์ท่านทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการอ่าน เพราะการอ่านที่ดี จะช่วยเพิ่มพูลสติปัญญา รู้จักใช้ความคิด ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ที่ค้ำจุนให้คนมีความสุข พระองค์ท่านจึงทรงอยากปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับชาวไทย


Drivemate คืออะไร?

Drivemate.asia คือ ผู้ให้บริการรถเช่า ออนไลน์อันดับ 1 ทางเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นเจ้าของรถยนต์สำหรับผู้คนที่ไม่ต้องการมีภาระในการผ่อนงวดรถ ขับเท่าไหนจ่ายเท่านั้น ไม่มีข้อผูกมัดใดๆทั้งสิ้น ด้วยรุ่นรถที่หลากหลายมากกว่า 100 รุ่น

ใครที่กำลังมองหารถยนต์ไว้สำหรับไปออกทริป / หรือใช้ในการเดินทาง  Drivemate ก็มีบริการเช่ารถที่จะช่วยให้การเดินทางของทริปของคุณง่ายยิ่งขึ้น  

การเช่ารถเหมาะกับใคร?

  1. ผู้ที่ต้องการประหยัดเวลาในการเดินทางระยะไกล (เดินทางด้วย เครื่องบิน ต่อด้วย การเช่ารถในพื้นที่ปลายทาง)
  2. ผู้ที่ไม่มีรถส่วนตัว
  3. ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นในการใช้รถตลอดเวลา

Drivemate บริการรถเช่า รายวัน-รายเดือน ราคาเริ่มต้นที่ 490฿ / วัน 

เช่ารถตามพื้นที่