ประวัติ ASTON MARTIN รถยนต์ที่ชายหนุ่มใฝ่ฝัน

Posted on

วันนี้ Drivemate จะพาทุกท่านไปรู้จักกับประวัติรถ ASTON MARTIN ว่ามีที่มาอย่างไร โดย ASTON MARTIN   แบรนด์รถยนต์จากสหราชอาณาจักรได้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1914 และเน้นการผลิตรถสปอร์ตหรู

ประวัติบริษัท

ปี ค.ศ.1915 : เริ่มต้นการผลิตรถยนต์เป็นครั้งแรก

ปี ค.ศ.1922 : ส่งรถไปลงแข่งในงาน French Grand Prix

ปี ค.ศ.1937 : เพิ่มอัตราการผลิตสูงที่สุดเท่าที่เคยทำมาคือ 140 คัน ต่อปี

ปี ค.ศ.1946 : ประกาศขายบริษัทในนิตยสาร The Times และถูก David Brown ซื้อไป

ปี ค.ศ.1950s : ประสบความสำเร็จในการแข่งรถ มีการย้ายบริษัทไปอยู่ที่ Newport Pagnell, Buckinghamshire (เมืองในประเทศอังกฤษ)

ปี ค.ศ.1972 : David Brown ตัดสินใจขายบริษัท

ปี ค.ศ.1975 : ยอดการผลิตตกลงเหลือ 15 คันต่อปี บริษัทล้มละลาย

ปี ค.ศ.1981 : Victor Gauntlett ตัดสินใจเข้าซื้อบริษัท

ปี ค.ศ.1987 : ฟอร์ดเข้ามาถือหุ้นถึง 75%

ปี ค.ศ.1994 : ฟอร์ดเพิ่มจำนวนหุ้น 100%

ปี ค.ศ.2003 : ก่อตั้งโรงงานใหม่ที่ Gaydon, Warwickshire

ปี ค.ศ.2006 : บริษัทมียอดการผลิตรถรวมกันได้ 30000 คัน นับตั้งแต่เปิดบริษัทมา , รถรุ่น DBS ถูกใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์เจมส์บอนด์ Casino Royale

ปี ค.ศ.2007 : ฟอร์ดขาย Aston Martin ให้กลุ่มนักลงทุน รถรุ่น DBR9 ชนะการแข่งขัน GT1 ในงาน Le Mans 24 Hours 

ปี ค.ศ.2008 : ประกาศเปิดตัวรถรุ่น Rapide ซึ่งจะผลิตโดยบริษัท Magna Steyr และจะมีการคืนชีพรถ Lagonda วางขายในตลาดอีกครั้ง

รถรุ่นต่างๆ

ปี ค.ศ.1950 : DB2

ปี ค.ศ.1953 : DB2/4

ปี ค.ศ.1958 : DB4

ปี ค.ศ.1963 : DB5

ปี ค.ศ.1966 : DB6

ปี ค.ศ.1967 : Prototype Lagonda saloon, ออกแบบโดย William Towns

ปี ค.ศ.1977 : V8 Vantage

ปี ค.ศ.1980 : Lagonda saloon

ปี ค.ศ.1986 : V8 Zagato

ปี ค.ศ.1990 : Virage

ปี ค.ศ.1994 : DB7

ปี ค.ศ.2001 : V12 Vnquish

ปี ค.ศ.2002 : DB7 Zagato limited edition

ปี ค.ศ.2003 : DB7

ปี ค.ศ.2005 : V12 Vantage

ปี ค.ศ.2006 : คอนเซปต์รถ Rapide

ปี ค.ศ.2007 :  DBS

ปี ค.ศ.2009 : V12 Vantage; Lagonda SUV และคอนเซ็ปต์ One-77  

ปี ค.ศ.2010 : เริ่มต้นการผลิต Rapide และ One-77

ปี ค.ศ.2011 : Virage, V12 Zagato

ASTON MARTIN เป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานมาก ในปัจจุบันบริษัทเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกในเรื่องของ ความสวยงามและประสิทธิภาพของรถสปอร์ตคาร์และมีสถานะเสมอกันกับรถ Ferrari ทั้งยังประสบความสำเร็จในวงการรถแข่งสากล แต่เรื่องราวของบริษัทนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ บริษัทเกือบจะเจอกับทางตันเช่นเดียวกับบริษัทดังๆหลายแห่ง

และต้องเจอวิกฤตหนักถึง 2-3 ครั้ง Aston Martin รอดจากการล้มละลายด้วยการประกาศขายบริษัทในนิตยสาร Time เรียกได้ว่าการลงโฆษณาในนิตยสารเมื่อปี ค.ศ. 1946 เป็นกุญแจหลักที่สร้างจุดเปลี่ยนของบริษัทก็ว่าได้ โดยผู้ที่เข้ามาซื้อบริษัทก็คือ David Brown ซึ่งเป็นเจ้าพ่อรถแทรกเตอร์ เขาได้เข้ามาบริหารบริษัทในช่วงยุค 50s ซึ่งเป็นยุคที่บริษัทประสบความสำเร็จในการแข่งรถ และเป็นการเริ่มต้นของการดีไซด์รถสปอร์ตในตำนาน ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีการเอากลับมาใช้ในปัจจุบัน เมื่อบริษัทสามารถตั้งตัวและมีความมั่นคงด้านการเงิน จากการที่ฟอร์ดเข้ามาถือหุ้นจำนวน 75% ในช่วงยุค 90s ซึ่งมันเป็นความตั้งใจของ David Brown ที่จะทำให้ Aston Martin สามารถไปต่อได้โดยที่เขาจะได้กำไรและครอบครองหุ้นน้อยลง

ช่วงเวลาที่ครีเอทีฟที่สุดของ Aston Martin  คือการเปิดตัวรถรุ่น DB4 ในปี ค.ศ.1958 ถูกออกแบบโดยบริษัท Carrozzeria Touring Superleggera และมีตะแกรงหน้าที่มีรูปทรงดูเหมือนจมูกของฉลามออกแบบโดยวิศวกรของ Aston Martin   ชื่อ Frank Feeley รถรุ่น DB4 ประสบความสำเร็จในการรวมเอาความสวยงามแบบอิตาลีและความความประณีตดูดีมีระดับแบบอังกฤษ

รถรุ่น DB5 ก็ออกแบบสไตล์นี้เช่นเดียวกันแต่จะมีไฟหน้าที่ต่างออกไป คือไฟหน้าจะยุบเข้าไปในโครงรถ และโด่งดังไปทั่วโลกจากการถูกเอาไปใส่ในภาพยนต์เรื่องเจมส์บอนด์ Goldfinger (ปี ค.ศ.1964) กลายเป็นหนังเรื่องแรกในเจ็ดเรื่องที่ สายลับเจมส์บอนด์ ตัดสินใจเลือกเอารถ Aston Martin ไปใช้ปฎิบัติภารกิจ

รุ่น DB6 ในปี ค.ศ.1966 และรุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปี ค.ศ.1967 นั้นมีดีไซน์ที่ดูล่ำดุดันกว่าเดิมซึ่งต่อมาได้กลายเป็นรูปแบบการดีไซน์แบบคลาสสิคของรถ DB ในที่สุด เมื่อเข้าสู่ช่วงยุค 70s ก็เป็นช่วงยุคขาลงของ Aston Martin และมีรถรุ่นใหม่ถูกผลิตออกมาเพียงรุ่นเดียวคือ V8 Vantage ซึ่งมีตะแกรงหน้าที่ดุดัน หลังจากที่บริษัทมีการเปลี่ยนเจ้าของก็ได้มีการเปลี่ยนวิธีการออกแบบรถให้ดูมีความเรียบร้อยดูประณีต แม้ว่ารถรุ่น Lagonda saloon จะโดนคำวิจารณ์มากกว่าคำชมเชยก็ตาม

เมื่อฟอร์ดเข้ามาควบคุมบริษัทอย่างเต็มตัวในยุค 90s บริษัท Aston Martin ก็สามารถที่จะลงทุนในด้านการออกแบบที่ดูทันสมัยรวมไปถึงการออกแบบด้านวิศวกรรมด้วย คนที่มาออกแบบรถในช่วงเวลานั้นคือ lan Callum ซึ่งต่อมาได้ลาออกเพื่อไปออกแบบรถจากัวร์ในปี ค.ศ.1994

ต่อมารถรุ่น DB7 ก็ได้กลับมาสร้างความรู้สึกสง่างามและยั่วยวนอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับตะแกรงหน้ารถสไตล์เดียวกันกับในยุค 50s และ 60s รถรุ่นนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนกลายเป็นรถที่ขายดีที่สุดของแบรนด์นี้ และตามมาด้วยรถรุ่น V12 Vnquish ในปี ค.ศ.2001 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าและออกแบบโดย lan Callum เช่นกัน ทำให้ Aston Martin สามารถเทียบชั้นกับแบรนด์หรูอย่าง Ferrari ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุค 60s เป็นต้นมา

และต่อมา Aston Martin ก็ได้รับ Henril Fisker ซึ่งเคยเป็นนักออกแบบของ BMW เข้ามาร่วมงานด้วยในฐานะหัวหน้านักออกแบบ  ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เริ่มเปิดตัวรถ DB9 และ V8 Vantage ซึ่งต่อมารูปแบบการดีไซน์ที่ดูลื่นไหลก็ได้ถูกส่งต่อไปยังรถรุ่นต่อมา ที่ออกแบบโดยผู้สืบทอดของนาย Henril Fisker ซึ่งก็คือนาย Marek Reichman และต่อมาเขาได้เป็นคนออกแบบรถรุ่น Rapide

รถรุ่น DB9 ถูกออกแบบให้มีความยาวที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อที่จะให้กลายเป็นรถหรูที่มีประตู 4 บาน มันเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากแต่ก็ถูกทำออกมาได้สำเร็จอย่างสง่างามและมีความสวยงาม ราคาสากลที่ถูกตั้งขึ้นใหม่ของรถ  Aston Martin สร้างความผิดหวังให้ไม่น้อย ในขณะที่รถรุ่น Zagato นั้นได้กลายเป็นเหมือนของสะสมราคาแพง และต่อมาจึงมีการเปิดตัวคอนเซ็ปต์รถ SUV แบรนด์ LAGONDA ในงาน Geneva show ปี ค.ศ.2009   (หาดูโมเดลรถของปี 2019 ได้แล้วใน Youtube หรูมาก) ซึ่งเรียกได้เป็นการพยายามเอาแบรนด์ LAGONDA กลับมาอีกครั้งนึง (David Brown  เข้าซื้อ LAGONDA ก่อนที่จะย้ายมันเข้าไปรวมกับ Aston Martin)


Drivemate คืออะไร?

Drivemate.asia คือ ผู้ให้บริการรถเช่า ออนไลน์อันดับ 1 ทางเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นเจ้าของรถยนต์สำหรับผู้คนที่ไม่ต้องการมีภาระในการผ่อนงวดรถ ขับเท่าไหนจ่ายเท่านั้น ไม่มีข้อผูกมัดใดๆทั้งสิ้น ด้วยรุ่นรถที่หลากหลายมากกว่า 100 รุ่น

ใครที่กำลังมองหารถยนต์ไว้สำหรับไปออกทริป / หรือใช้ในการเดินทาง  Drivemate ก็มีบริการเช่ารถที่จะช่วยให้การเดินทางของทริปของคุณง่ายยิ่งขึ้น  

การเช่ารถเหมาะกับใคร?

  1. ผู้ที่ต้องการประหยัดเวลาในการเดินทางระยะไกล (เดินทางด้วย เครื่องบิน ต่อด้วย การเช่ารถในพื้นที่ปลายทาง)
  2. ผู้ที่ไม่มีรถส่วนตัว
  3. ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นในการใช้รถตลอดเวลา

Drivemate บริการรถเช่า รายวัน-รายเดือน ราคาเริ่มต้นที่ 490฿ / วัน 

เช่ารถตามพื้นที่

อ้างอิงข้อมูล :
https://www.astonmartin.com/