ข้อดี VS ข้อเสีย ระหว่างแบตเตอรี่แบบแห้ง และแบบน้ำ

ปัจจุบันนี้ โลกอินเตอร์เนต มีผลกับการเลือกซื้อของในชีวิตอย่างมาก ก่อนที่คุณจะคิดซื้ออะไรสักอย่าง แน่นอนว่า ต้องเสิร์ชหาข้อมูล ดูรีวิวต่างๆ หรืออ่านคำแนะนำของคนที่มาคอมเมนต์ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเลือกซื้อ อีกทั้งยังได้อ่านรีวิวประสบการณ์ ของคนที่เคยใช้มาก่อนด้วยว่า น่าใช้หรือไม่อย่างไร

 

วันนี้ Drivemate ได้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถมือสองจาก Carro จะมาแนะนำแบตเตอรี่ ทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ ว่า มีข้อดี และข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร มาฝากคนใช้รถยนต์กันค่ะ

 

แต่ก่อนจะเริ่มอ่านกัน คุณต้องรู้ก่อนว่า แบตเตอรี่ที่ใช้อยู่ทุกวัน เป็นรุ่นอะไร และแบบไหน เพราะรถบางรุ่นใช้แบตเตอรี่ไม่เหมือนกัน วิธีเช็กง่ายๆ คือ สังเกตที่แบตเตอรี่ว่า มีรูให้สามารถเติมน้ำได้หรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าเป็นแบตเตอรี่แบบน้ำ ส่วนถ้าแบตเตอรี่เป็นแบบเรียบๆ ก็แสดงว่าคุณใช้แบตเตอรี่แบบแห้งอยู่ ฉะนั้น เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น แนะนำว่าควรอ่านรีวิวแบตเตอรี่รถที่เป็นรุ่นเดียวกันค่ะ

 

มาเริ่มกันที่ แบตเตอรี่น้ำ หรือแบบเปียก เป็นแบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น และได้รับความนิยมกันเป็นส่วนใหญ่ เป็นแบตเตอรี่ประเภทตะกั่วกรด จะมีสารละลายอิเล็กโทรไลท์เป็นของเหลว จึงจำเป็นต้องเติมน้ำกลั่น เพื่อช่วยให้แบตเตอรี่ไม่เสื่อมสภาพเร็วจนเกินไป เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ รู้เรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ เพราะต้องมีการตรวจเช็กและเติมน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ

ข้อดีของแบตเตอรี่น้ำ คือ
– ราคาถูก
– ทนทานต่อการรับโหลดทั้งการประจุและคายประจุ
– หากมีการดูแลที่ดีจะสามารถยืดของอายุการใช้งานได้นานขึ้น

 

ข้อเสียของแบตเตอรี่น้ำ คือ
– เสียเวลาต้องมั่นดูแลรักษาแบตเตอรี่อยู่บ่อยๆ

– โอกาสเกิดขี้เกลือสูง
– ต้องระวังการรั่วไหลของสารละลายซึ่งเป็นกรดสูง สามารถทำลายสีของรถ รวมถึงตัวถังภายในเครื่องยนต์ได้

 

และในส่วนของ แบตเตอรี่รถยนต์แบบกึ่งแห้ง (Maintenance Free) จะยังมีรูเติมน้ำกลั่นให้เห็นอยู่ มีอายุการใช้งานทนทานกว่าแบตเตอรี่ธรรมดา 30% กินน้ำกลั่นน้อย ให้กำลังไฟสูง ลดการสูญเสียของน้ำกรดไปได้มาก ซึ่งตลอดอายุการใช้งาน อาจจะต้องเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่บ้าง (ทุกๆ 6 เดือน เช็กดูสักครั้งก็ดี)

 

หรือเรียกกันในอีกแบบ นั่นคือ แบตเตอรี่แบบไฮบริด ซึ่งมีส่วนผสมระหว่างตะกั่ว กับแคลเซียม ในโครงแผ่นธาตุลบ และส่วนผสมระหว่างตะกั่ว กับพลวงต่ำ ในโครงแผ่นธาตุบวก

สรุป แบตเตอรี่แบบน้ำต้องมีการดูแลอย่างสม่ำเสมอ และค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร ซึ่งคนที่ใช้แบตเตอรี่รถประเภทนี้ควรเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่รถ มีเวลาตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นในส่วนของแบบกึ่งแห้ง และแบบไฮบริด ก็จะช่วยลดระยะเวลาในการเติมน้ำกลั่นออกไป แต่ก็ยังต้องดูแลตามปกตินะคะ

แบตเตอรี่แห้ง SMF (Sealed Maintenance Free Car Battery) เป็นแบตเตอรี่ที่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อไม่ให้ต้องเติมน้ำกลั่น ซึ่งหลายคนเรียกว่า แบตแห้ง แต่ในความจริงแล้วมันก็ยังมีของเหลวอยู่นั่นแหละ แต่ไม่จำต้องเติมน้ำกลั่นอีก เพราะไม่มีฝาเปิดปิดอยู่แล้วเนื่องจากถูกซีลทับไว้ แต่จะมีตาแมวสำหรับเช็กระดับน้ำกรดและไฟอยู่

ข้อดีของแบตเตอรี่แห้ง คือ

– ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาดูแล เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรถ ไม่ค่อยมีเวลาในการตรวจเช็ก

– สะดวกสำหรับการใช้งาน

– สามารถอยู่ได้นานกว่าแบตเตอรี่ธรรมดา
– ปริมาณแก๊สที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาทางเคมีภายในมีน้อย


ข้อเสียของแบตเตอรี่แห้ง คือ

– ราคาแพงกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ
– หากซีลของช่องหายใจหลุด อาจเกิดการเสียหายขึ้น เพราะมีความชื้นเข้าไปภายในแบตเตอรี่

– มีโอกาสเกิดการอุดตันได้ง่าย และเมื่อเกิดการอุดตัน อาจจะเกิดปัญหาแรงดันภายในหรือความร้อนมากกับการประจุที่รุนแรง

 

เห็นความต่างทั้งข้อดี และข้อเสียของแบตเตอรี่แต่ละประเภทแล้วใช่ไหมคะ? คราวนี้การตัดสินใจจะเลือกใช้แบตเตอรี่ ก็คงขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ และรถยนต์ของคุณจะดีที่สุด

 

สุดท้ายไม่ว่าคุณจะเลือกแบตเตอรี่แบบไหนก็ตาม ก็ควรมั่นดูแลรักษาเพื่อให้แบตเตอรี่ไม่เสื่อมก่อนเวลา จะได้ประหยัดไม่ต้องเปลี่ยนแบตอยู่บ่อยๆ นะคะ และถ้าคุณมั่นดูแลรถยนต์อย่างดี เวลาขาย รถของคุณจะได้ราคาดีอย่างแน่นอน ซึ่งทาง Carro มีบริการใหม่อย่าง Carro Express เป็นบริการขายรถแบบด่วน จบเร็วภายใน 1 วัน! ที่สำคัญขาย ฟรี! ทุกขั้นตอนการดำเนินการค่ะ (link>https://th.carro.co/sell-car/express)

 

ข้อมูลจาก: Carro